แผนเที่ยว Ishikawa 3 วัน 2 คืน พร้อมรีวิวที่พัก

ishikawa

เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นครั้งล่าสุด โดน “อิชิกาวะ” (Ishikawa) ตกไปแบบเต็มๆ หลงรักจังหวัดนี้เข้าเต็มเปาเลยค่ะ เป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวหลากหลายมาก ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ และมุมถ่ายรูปสวยๆ รู้สึกว่ามาแค่จังหวัดเดียวแต่เหมือนได้เที่ยวหลากหลายไวบ์ เลยไม่อยากโดนตกอยู่คนเดียว เดี๋ยวโพสนี้จะพาไปหลงเสน่ห์อิชิกาวะด้วยกันน้า

ishikawa

หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ “อิชิกาวะ” (Ishikawa) เท่าไรนัก แต่ถ้าเอ่ยว่า “คานาซาวะ” น่าจะเคยผ่านหูกันบ้างใช่มั้ยคะ คานาซาวะนั้นเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอิชิกาวะค่ะ บางคนที่ตั้งใจจะไปเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะก็มักจะมาเริ่มต้นในเส้นทางทาคายามะหรือคานาซาวะนี่ล่ะ แต่เมืองคานาซาวะมีดีเกินกว่าจะมองเป็นแค่ทางผ่านน้า เดี๋ยวโพสนี้เราจะพาไปเที่ยวหลายๆ มุมของเมืองคานาซาวะเลยล่ะค่ะ

ishikawa

Ishikawa นั้นเป็นจังหวัดที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว หลายๆ เมืองก็น่าเที่ยวมาก ถ้ามีเวลามากกว่านี้ เราก็อยากเก็บให้ครบทุกเมืองเลยค่ะ แต่ทริปนี้พอมีเวลาสั้นๆ ประมาณ 3 วัน 2 คืน แม้จะเป็นทริปสั้นๆ แต่ก็เต็มอิ่มมากทีเดียว เดี๋ยวในโพสนี้ เราจะมาแชร์แพลนเที่ยวของเราเอาไว้ให้ เผื่อใครอยากไปตามรอยนะคะ

ishikawa

สายถ่ายรูปมาจังหวัดนี้ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ มีมุมให้ถ่ายรูป เช็คอิน เพียบเลย! หลายๆ มุมค่อนข้างแปลกตาเลยทีเดียว เป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวหลากหลายไวบ์มากจริงๆ

ishikawa

สายธรรมชาติมาเที่ยวที่นี่ก็รับรองว่าเต็มอิ่มแน่นอน เพราะว่ามีธรรมชาติสวยๆ ให้ดื่มด่ำหลายที่เลย .. ว่าแล้วก็พาไปเที่ยวอิชิกาวะพร้อมๆ กันเลยดีกว่า ไปค่ะ ไปสัมผัสความหลากหลายของจังหวัดนี้กัน

การเดินทางมาอิชิกาวะ (Ishikawa)

การเดินทาง ishikawa

สำหรับการเดินทางมา Ishikawa นั้น สามารถนั่งชินคันเซ็นมาก็ได้ หรือว่าจะบินไฟลท์ภายในประเทศมาก็ได้นะคะ ถ้านั่งเครื่องมาก็จะประหยัดเวลาได้มากกว่า เพราะเดินทางแค่ 1 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน Komatsu Airport แล้ว ส่วนสายการบินที่แนะนำก็ Japan Airlines เลยค่ะ หลังจากมาถึงโคมัตสึแล้ว จะเดินทางไปไหนก็สะดวกแล้วล่ะ ถ้าจะไปคานาซาวะก็แค่นั่งรถไฟ JR Hokuriku Main Line ไปลง Kanazawa Station ได้เลย ใช้เวลาแค่ 33 นาที เท่านั้นเองค่า

เช่ารถขับ ishikawa

ส่วนการเดินทางภายในจังหวัดอิชิกาวะทริปนี้เราเช่ารถขับนะคะ ถ้าใครขับรถเป็น ก็อยากแนะนำมากๆ เลย เพราะขับรถเที่ยวญี่ปุ่นไม่ยาก พวงมาลัยฝั่งเดียวกับบ้านเรา แถมขั้นตอนยังไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องวางมัดจำ ที่สำคัญยังสามารถขับไปเที่ยวในสถานที่ที่หลากหลายมากกว่า ประหยัดเวลาในการรอรถบัสด้วยค่ะ ส่วนเว็บไซต์ที่เราเช่าประจำคือ ToCoo! ค่า หากใครสนใจเช่ารถผ่าน ToCoo! คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ

DAY 1

“ขณะนี้เมืองวาจิมะ เมืองซูสุ เมืองอานามิสึ และเมืองโนโตะ ไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ในขณะนี้ เนื่องจากความพยายามในการฟื้นฟูในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ”

Chirihama Beach Driveway

Chirihama Beach Driveway

รับรถเรียบร้อย พาไปเที่ยวที่แรกกันเลยดีกว่า Chirihama Beach Driveway (千里浜なぎさドライブウェイ) เป็นชายหาดบรรยากาศสุดชิลในเมือง Hakui ที่สามารถขับรถลงไปจอดริมชายหาดได้ คนญี่ปุ่นนี่มาจอดรถถ่ายรูปลงโซเชียลกันเพียบเลยล่ะค่ะ

Chirihama Beach Driveway

ทรายที่นี่แน่นจนเราขับรถลงไปจอดหรือขับรถเลียบทะเลได้เลย เราว่าเป็นชายหาดที่สวยแปลกตาดีค่ะ ที่นี่อยู่ห่างจากคานาซาวะมาประมาณ 40 กิโล ขับรถมาก็ประมาณ 40 นาที แต่แนะนำให้เช็คสภาพอากาศและคลื่นลมในวันที่จะมานิดนึงนะคะ เพราะถ้าคลื่นลมแรง ทางจะปิดและไม่สามารถนำรถลงไปจอดได้ค่า

Chirihama Beach Driveway

แผนที่ Chirihama Beach Driveway

Chirihama Rest House 

Chirihama Rest House 

ถ่ายรูปชิลๆ ที่ Chirihama Beach Driveway เสร็จแล้ว แนะนำให้แวะมาชิม Noto Oyster ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของอิชิกาวะด้วยนะคะ ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ Chirihama Beach Driveway เลย ขับเลยมานิดเดียวเท่านั้นค่ะ ร้านชื่อ Chirihama Rest House วิวดีมากกกกก ใครชอบกินหอยนางรมห้ามพลาดเลยทีเดียวเชียว

Chirihama Rest House 

เขามีอาหารแบบเป็นเซ็ตขายด้วยนะคะ เมนูทั้งหมดจะมีหอยนางรมเป็นตัวชู ใครที่ชอบหอยนางรมมากๆ แนะนำสั่ง Noto Oyster Course มาย่างเองแบบนี้เลย ได้ฟีลสุดๆ ค่า

Chirihama Rest House 

ภายในร้านกว้างขวางและมีที่นั่งหลายโต๊ะเลย เราชอบตรงที่เขามีประตูให้เปิดออกไปดูวิวได้ด้วย ใครมาขับรถเที่ยวที่นี่ก็ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ ค่า

Chirihama Rest House 

หน้าร้านมีประติมากรรมทรายที่สร้างเป็นรูปการ์ตูนด้วยค่ะ วิวทะเลด้านหลัง แค่เดินลงไปก็คือ Chirihama Beach Driveway แล้ว บรรยากาศชิลมากๆ เลย

แผนที่ Chirihama Rest House

Roadside Station Noto Chirihama

Roadside Station Noto Chirihama

ก่อนจะขับรถไปที่ต่อไปซึ่งเป็นที่นอนของเราในคืนแรกนี้ เราก็แวะมาที่จุดพักรถ Roadside Station Noto Chirihama (道の駅のと千里浜) เพื่อซื้อของกิน ของฝากก่อน จุดพักรถตรงนี้อยู่ไม่ไกลจาก Chirihama Beach Driveway เลยนะคะ ใครที่ตั้งใจมาเที่ยวแถวนี้แล้ว ก็อย่าลืมแวะมาที่นี่ด้วยน้า ด้านในมีทั้งของฝาก และร้านขายอาหารด้วยค่า

Roadside Station Noto Chirihama

ด้านในมีของฝากขายเพียบเลยล่ะค่ะ ข้างๆ กันยังเป็นฟู้ดคอร์ดที่ขายอาหารด้วย เป็นจุดพักรถที่มีครบทุกอย่างเลยจริงๆ

Roadside Station Noto Chirihama
Roadside Station Noto Chirihama

แผนที่ Roadside Station Noto Chirihama

Shun ran no Sato

Shun ran no Sato

ที่นอนในคืนแรกของเรา เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะไม่มีวันลืมเลยค่ะ เพราะมีโอกาสได้ลองไปนอนบ้านคนญี่ปุ่นฟีลชนบทริมทะเลที่คาบสมุทรโนโตะ (Noto Peninsula) บรรยากาศดีมากๆ ที่นี่คือ Shun ran no Sato (春蘭の里) เป็นฟาร์มสเตย์เก่าแก่ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ลองไปนอนบ้านพักของคนญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสและดื่มด่ำกับชีวิตความเป็นอยู่แบบคนญี่ปุ่นแท้ๆ

Shun ran no Sato

ดูคล้ายฟาร์มสเตย์ใช่ไหมคะ แต่ที่นี่เขารับจองแค่ 1 กรุ๊ปต่อวันเท่านั้นนะ เพื่อความเป็นส่วนตัวของเราค่ะ เราก็จะได้มีโอกาสลองอาศัยอยู่ในบ้านของคนญี่ปุ่นตามจำนวนวันที่จองแบบส่วนตัวเลย

Shun ran no Sato

ใครสนใจอยากลองไปพักก็สามารถจองผ่านเว็บไซต์ Rakuten Travel คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ คลิกเข้าไปแล้วเจอเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่น แนะนำให้ใช้ Google Translate แปลนะคะ สำหรับราคาจะอยู่ที่ ราคา 25,000 เยน/คน บ้านหลังที่เราพัก พักได้สูงสุด 4 คน ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้า / เย็น ถ้ารวมด้วยก็มีค่าอาหารเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยค่า

Shun ran no Sato

ถ้าจองแบบรวมอาหารด้วย จะมีค่าอาหารเย็นเพิ่มอีก 1,500 เยน / อาหารเช้า 1,000 เยน อาหารเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เลยค่ะ

Shun ran no Sato

คุณป้าที่คอยดูแลบ้านน่ารักมากๆ ค่ะ ชวนให้ลองทำขนม Ohagi ซึ่งเป็นขนมญี่ปุ่นที่เป็นขนมประจำฤดูใบไม้ร่วงด้วย มาญี่ปุ่นตั้งหลายครั้งก็เพิ่งเคยกินนี่ละ อร่อยมาก เพราะเป็นฝีมือตัวเอง ฮี่ๆ ส่วนเรื่องภาษาก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ฝั่งนึงพูดไทย ฝั่งนึงพูดญี่ปุ่น เข้าใจกันได้ด้วยภาษากายและ Google Translate ล้วนๆ ค่า

Shun ran no Sato

ตอนเราขับรถมาถึงที่นี่ก็มืดค่ำแล้วล่ะค่ะ เลยไม่ทันได้เห็นว่าบรรยากาศรอบข้างเป็นยังไงบ้าง พอตื่นเช้ามาแล้วลองเปิดประตูบ้านออกไปดูเท่านั้นล่ะ โอ๊ยยย ตื่นเต็มตาเลยจ้าแม๊ ~ บรรยากาศดีมากกก เปิดประตูบ้านออกมาเห็นพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเลเลย รีบใส่รองเท้าวิ่งไปดูอย่างไว

Shun ran no Sato

.. และนี่คือ บรรยากาศของคาบสมุทรโนโตะที่อยู่ข้างบ้านค่า วิวสวยงามเกินบรรยายมากกก โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ นอกจากจะมีพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ยังมีหมอกขึ้นจางๆ บนผิวน้ำด้วย เราเซอร์ไพรส์กับวิวข้างบ้านมากๆ ไม่คิดว่าจะเป็นหมู่บ้านที่วิวสวยขนาดนี้นะเนี่ยย

Shun ran no Sato

ความประทับใจยังไม่หมดแค่นี้ เพราะมีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามคุณลุงเจ้าของบ้านไปเก็บเห็ดในป่าด้วยค่ะ เราเองก็เพิ่งรู้ว่าการเก็บเห็ดนั้นเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตช่วงฤดูใบไม้ร่วงของคนที่นี่เลย แล้วดูเห็ดที่ได้สิแม่ ใหญ่กว่าฝ่ามือไปอี๊กก

Shun ran no Sato

ช่วงนี้ในป่าใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสวยเลยค่ะ หลังจากเก็บเห็ดเสร็จ คุณลุงยังขับรถนำทางเราไปตลาดเช้าอีกครึ่งทางด้วย เพราะว่าเป็นทางลัดที่รู้เฉพาะคนในพื้นที่ ถือว่าเป็นคืนแรกในอิชิกาวะที่ประทับใจเกินความคาดหมายมากจริงๆ ค่า

Shun ran no Sato

การเดินทาง
1. ถ้าไม่ได้ขับรถไปเองมีรถรับ – ส่ง จากสนามบิน Noto Airport ถึงที่พักนะคะ สามารถบินไฟลท์ในประเทศ (ANA Airlines) จากสนามบิน Haneda ไปลงสนามบิน Noto แล้วหลังจากนั้นทางที่พักจะมีรถรับส่งให้ค่ะ
2. ถ้ามาจาก Kanazawa ก็สามารถนั่งรถบัส Hokuriku Railroad Suzu Limited Express จากป้ายหน้าสถานี (ทางออก West Exit) มาลงที่สนามบิน Noto ได้ค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ หลังจากนั้นก็ไปกับรถรับส่งของที่พักได้ แต่ส่วนตัวเราว่าเช่ารถขับไปเองน่าจะสะดวกที่สุดค่า

แผนที่ Shun ran no Sato

DAY 2

Wajima Morning Market

Wajima Morning Market

เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 กันที่ Wajima Morning Market เป็นตลาดเช้าในเมืองวาจิมะ ที่ป๊อปปูล่าในกลุ่มคนท้องถิ่นมากๆ เพราะมีประวัติยาวนานมากๆ เท่าที่รู้มาน่าจะเป็นจุดนัดพบแลกเปลี่ยนสินค้ากันในสมัยเมื่อพันปีที่แล้ว ปัจจุบันกลายมาเป็นตลาดเช้าที่มีบรรยากาศคึกคักแทบทุกเช้า เพราะว่ามีสินค้ามากมายหลายอย่างให้ช้อป ทั้งงานแฮนด์เมด อาหารทะเลสดๆ รวมไปถึงของกินอีกมากมายหลายสิ่ง แวะมาเดินช้อปปิ้งเพลินๆ กันได้เลยค่ะ

Wajima Morning Market

เราว่าที่นี่มีเสน่ห์มากนะ เหมือนได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นจริงๆ มีสินค้าท้องถิ่นมาขายเพียบเลยล่ะค่ะ รวมไปถึงอาหารทะเลสดๆ ด้วย สมเป็นเมืองริมทะเลจริงๆ

Wajima Morning Market
Wajima Morning Market

สินค้าแฮนด์เมดก็มีให้ช้อปเยอะเลย แต่ละอย่างน่ารักทั้งนั้น ใครที่ชอบซื้อของกระจุกกระจิกแบบนี้ เกียมตังค์มาเยอะๆ เลยค่ะ ได้ของกลับบ้านเยอะแน่นวล

Wajima Morning Market

ช้อนน่ารักมากกกก ญี่ปุ่นสุดๆ อันละ 400 เยนเองค่ะ ช่วงนี้ค่าเงินเยนถูกน้า ช้อปเพลินเลย

Wajima Morning Market

ที่นี่เปิดตั้งแต่ 08:00 – 12:00 น. นะคะ แต่สักประมาณ 11 โมง ร้านก็เริ่มปิดกันแล้วค่ะ แนะนำให้มาเช้าหน่อย ประมาณ 9-10 โมง บรรยากาศกำลังคึกคักค่า

Wajima Morning Market

ตลาดตั้งอยู่ริมทะเลเลย มีที่จอดรถข้างตลาด ราคา 300 เยนค่า

Wajima Morning Market

แผนที่ Wajima Morning Market

Keta Grand Shrine

Keta Grand Shrine

ไหนใครอยากมีความรักดีๆ แนะนำให้แวะมาที่นี่เลยค่ะ Keta Grand Shrine (気多大社) ที่ว่ากันว่าเป็นศาลเจ้าแห่งความโรแมนติกของคาบสมุทรโนโตะเลย เพราะว่าเป็นที่ประดิษฐานของ Onamuchi ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก หลายคนที่อยากมีความรักก็เลยนิยมมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้กันมากๆ เลยล่ะค่ะ

Keta Grand Shrine

ตัวศาลเจ้าจะรายล้อมไปด้วยป่าเก่าแก่ที่เรียกว่า “Untrod Forest” ซึ่งจะมีศาลเจ้าชั้นในที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าที่มีแค่เจ้าอาวาสเท่านั้นที่เข้าถึงได้ค่ะ ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเราก็แวะมาไหว้บริเวณนี้ได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่ห้ามพลาดเมื่อแวะมาเที่ยวอิชิกาวะเลยล่ะค่า

Keta Grand Shrine
Keta Grand Shrine

สายมูต้องถูกใจสิ่งนี้จ้า อย่าลืมซื้อติดตัวไว้เลยนะ จะได้มีความรักดีๆ กับเขาสักที : )

Keta Grand Shrine

แผนที่ Keta Grand Shrine

Kenrokuen

Kenrokuen

จาก Keta Grand Shrine ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Hakui เราก็ขับรถมาเที่ยวในเมืองคานาซาวะกันค่ะ โดยที่แรกที่พุ่งตัวไปจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก Kenrokuen Garden (兼六園) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สวนสวยของญี่ปุ่นที่ดังมากๆ เลยล่ะค่ะ

Kenrokuen

ที่สวนจะไม่มีที่จอดรถเฉพาะนะคะ ต้องจอดรถตามที่จอดแบบอัตโนมัติใกล้ๆ แล้วเดินมาอีกเล็กน้อย ระหว่างทางก็จะมีร้านขายของฝาก ขายอาหารหลายร้านเลย แวะช้อปปิ้งเพลินๆ ระหว่างทางได้เลยค่ะ

Kenrokuen

Kenrokuen เป็นสวนเก่าแก่ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยเอโดะโดยตระกูล Maeda ค่ะ ที่นี่ได้เปิดให้คนทั่วไปมีโอกาสเข้าชมเมื่อปี ค.ศ. 1871 และมีค่าเข้าสวน 320 เยน/คน ถือว่าคุ้มมากๆ เพราะเป็นหนึ่งในสวนสวยที่คนญี่ปุ่นเขาว่าไว้ว่าต้องมาดูด้วยตาตัวเองสักครั้งค่ะ

Kenrokuen

เอกลักษณ์ของสวนแห่งนี้ก็คือ ยูกิสึริ (Yukitsuri) เป็นคล้ายๆ ประเพณีในช่วงฤดูหนาวของเมืองนี้ โดยเขาจะมีการนำเชือกมายึดกิ่งไม้ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งไม้แตกในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตกใส่ค่ะ เทคนิคแบบนี้เราจะเห็นได้ทั่วไปในจังหวัดอิชิกาวะเลยนะคะ ซึ่งเขาจะทำเฉพาะช่วงฤดูหนาวปลายปี ประมาณวันที่ 1 พฤศจิกายน ไปถึงช่วงกลางเดือนธันวาคม นับว่าเป็นภาพสวยแปลกตาคล้ายมงกุฎที่จะมีโอกาสเห็นเฉพาะช่วงปลายปีเท่านั้นค่า

Kenrokuen

ในฐานะคนชอบธรรมชาติ พอได้ลองมาเที่ยวที่นี่แล้วก็เข้าใจเลยว่าทำไม Kenrokuen ถึงติดท็อป 3 สวนสวยของญี่ปุ่น เขาจัดสวนได้สวยจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แม้จะยังเปลี่ยนไม่เต็มที่ แต่ก็ฟูลฟีลคนรักธรรมชาติแบบเราได้มากๆ เลยล่ะค่ะ

Kenrokuen

แผนที่ Kenrokuen

21st Century Museum of Contemporary Art

21st Century Museum of Contemporary Art

เดินสวน Kenrokuen เสร็จแล้ว แนะนำให้แวะมาที่ 21st Century Museum of Contemporary Art ต่อเลยค่ะ เพราะอยู่ห่างกันประมาณ 550 เมตร เท่านั้น ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ดังมากๆ ของเมืองคานาซาวะ เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินชื่อดังของญี่ปุ่นและทั่วโลก แค่เดินอยู่รอบนอกของตัวพิพิธภัณฑ์ก็มีงานอาร์ตให้ดูอยู่หลายจุดแล้วล่ะค่ะ

21st Century Museum of Contemporary Art
21st Century Museum of Contemporary Art
21st Century Museum of Contemporary Art

ผลงานศิลปะชื่อดังของที่นี่ คือ Swimming Pool เป็นผลงานของ Leandro Erlich แต่น่าเสียดายมากๆ วันที่เราไปเขาปิดทำความสะอาดค่ะ T^T เราก็เลยไม่ได้ซื้อบัตรเข้าไปชมด้านใน ได้แต่ถ่ายรูปอยู่บริเวณรอบนอก เพราะวันที่เราไป ข้างในคนเยอะมากๆๆ ด้วย น่าจะเพราะเป็นวันหยุด ฉะนั้นถ้าใครจะไป แนะนำให้ไปวันธรรมดา คนน่าจะน้อยและเดินชมงานศิลปะได้ชิลกว่าค่า

21st Century Museum of Contemporary Art
21st Century Museum of Contemporary Art

แผนที่ 21st Century Museum

Higashi Chaya District

Higashi Chaya District

สถานที่สุดท้ายของวันนี้ เดี๋ยวจะพาไปดื่มด่ำกับบรรยากาศยุคเอโดะที่ Higashi Chaya District ซึ่งเป็นถนนโรงน้ำชาโบราณของเมืองคานาซาวะกันค่ะ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันเลย เรามาถึงช่วงเย็น แม้ร้านรวงจะเริ่มปิดกันแล้ว แต่ถ่ายรูปออกมาไวบ์ดีมากๆ แถมคนยังไม่ค่อยเยอะด้วยค่ะ

Higashi Chaya District

คำว่า Chaya ในอดีตจะเป็นชื่อที่ใช้เรียกสถานที่ที่ให้ความบันเทิงกับเหล่าบรรดาขุนนางและพ่อค้าผู้มั่งคั่ง ซึ่งก็คือหนึ่งในหน้าที่ของเกอิชานั่นเอง และ Higashi Chaya District ก็เป็นย่านโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองคานาซาวะเลยล่ะค่ะ ฉะนั้นใครที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศของญี่ปุ่นในยุคเอโดะ ยังไงก็ห้ามพลาดย่านนี้เลยนะคะ

Higashi Chaya District
Higashi Chaya District

ถ้ามีเวลาสักหน่อยก็น่าใส่ชุดยูกาตะมาเดินถ่ายรูปเล่นจริงๆ ใครมีเวลาเยอะหน่อย จะใส่ยูกาตะมาเดินก็ได้นะคะ เราเห็นคนญี่ปุ่นใส่กันเต็มเลย ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศคึกคัก ร้านรวงเปิดครบหมด แนะนำให้มาก่อน 17:00 น. น้า จะมีร้านอาหาร คาเฟ่ เปิดกันเยอะเลยล่ะค่า

Higashi Chaya District
Higashi Chaya District

แผนที่ Higashi Chaya District

Ryotei Notoya

Ryotei Notoya

สำหรับที่นอนในคืนนี้ เราพักกันที่ Awazu Onsen ค่ะ ที่นี่เป็นเมืองออนเซนเก่าแก่ที่มีเรียวกังให้พักอยู่หลายที่เลย แต่เราเลือกพักที่ Ryotei Notoya (旅亭懐石のとや) ซึ่งเป็นเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี แต่ออกแบบได้ร่วมสมัยมาก เพราะเขามีการปรับปรุงตัวเรียวกังตามยุคสมัยอยู่เรื่อยๆ เลยค่ะ

Ryotei Notoya

เราเลือกพักห้องสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมพร้อมออนเซนส่วนตัวให้แช่ภายในห้องพักเลยค่ะ ฟินมากกก เวลามาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหนาวๆ แล้วได้แช่ออนเซนกลางแจ้งนี่ฟินจริงๆ นะ อยากให้ลองมาสัมผัสกันดูสักครั้ง รับรองติดใจแน่นอนค่า
สามารถจองห้องพักที่นี่ได้เลย Click

Ryotei Notoya

แนะนำให้เลือกแผนการจองแบบรวมอาหารเช้า / เย็น ไปด้วยเลยนะคะ เพราะห้องอาหารของที่นี่ก็ขึ้นชื่อมากก เป็นห้องทานอาหารส่วนตัวของแต่ละห้องเลย มีคุณป้าคนญี่ปุ่นคอยเข้ามาดูแลเรื่อยๆ คุณป้าน่ารักมากกก คอยมาเอนเตอร์เทนตลอดๆ แม้จะพูดกันคนละภาษาก็ตาม แถมยังให้สอนภาษาไทยให้อีกต่างหาก Service Mind ดีมาก ประทับใจสุดๆ เลยล่ะค่ะ

Ryotei Notoya

ตอนขับรถมาถึง Awazu Onsen ก็มืดค่ำแล้ว เลยถ่ายรูปบรรยากาศตอนเช้าๆ มาให้ดูค่ะ ที่นี่เป็นเมืองออนเซนที่เก่าแก่นับพันปีเลยน้า ถ้าใครไม่ได้มาพัก ก็สามารถมาแช่ออนเซนอย่างเดียวได้ค่ะ มีบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะให้แช่ มีบ่อออนเซนเท้าด้วย ถือว่าเป็นเมืองออนเซนที่สาวกออนเซนไม่ควรพลาดเลยทีเดียวว

Awazu Onsen

แผนที่ Ryotei Notoya

DAY 3

Natadera Temple

Natadera Temple

เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในทริปนี้ด้วยการไปดูใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ที่ Natadera Temple (那谷寺) กันค่ะ ช่วงที่เรามาคือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว แต่ปีนี้เปลี่ยนไม่ค่อยพร้อมกัน เพราะสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน บางเมืองพีคแล้ว บางที่ก็ยังไม่พีค แต่ใบไม้ที่วัดนาทะเดระกำลังเปลี่ยนสีสวยเลยล่ะค่ะ

Natadera Temple

มาถึงแล้วก็ซื้อตั๋วเข้าวัดที่ด้านหน้าได้เลยค่ะ มีค่าเข้าคนละ 600 เยน ถือว่าคุ้มค่ามากกับการได้เข้าไปชมสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของจังหวัดอิชิกาวะ ซึ่งมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ยุคสมัยโจมง หรือประมาณ 14,000-300 ปีก่อนคริสตศักราชเลยทีเดียว

Natadera Temple

ภายในวัดค่อนข้างกว้างเลยนะคะ แค่เดินเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบ และความสวยงามของธรรมชาติที่รายล้อม สถานที่แรกที่จะเจอเลยก่อนก็คือ Kondo Keo-den เป็นอาคารอุโบสถที่สร้างจากไม้สนหอมฮิโนะคิทั้งหลังเลย สวยงามมากๆ ค่ะ

Natadera Temple

มุมไฮไลท์ของวัดนาทะเดะระ คือ Kigan Yusenkyo หินผารูปร่างแปลกตา ซึ่งเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟโบราณ ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดพิธี Iwaya-tainai-kuguri หรือการลอดถ้ำแห่งพระครรภ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการขจัดกิเลสและการเกิดใหม่ด้วย โดยบริเวณรอบๆ หินผานั้นรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงามมากๆ เป็นองค์ประกอบที่เพอร์เฟคเหมือนภาพวาดเลยค่ะ มีหินผา บ่อน้ำ ต้นไม้ และปลาคราฟ มองด้วยตาสวยงามกว่าที่เห็นในภาพถ่ายจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ลองไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี่สวยเกินคำบรรยายเลยทีเดียว

Natadera Temple
Natadera Temple

ภายในวัดกว้างขวางและมีจุดให้เดินชมใบไม้เปลี่ยนสีหลายมุมเลยนะคะ น่าเสียดายที่เรามีโอกาสดื่มด่ำกับธรรมชาติภายในวัดแค่ไม่นาน เพราะต้องรีบไปที่อื่นต่อ ไม่งั้นคงได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเป็นครึ่งวันแน่นอน เพราะการได้นั่งดูธรรมชาติสวยๆ ฟังเสียงลม เสียงนกร้องไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องทำอะไรนั้นเป็นหนึ่งในวิธีฮีลใจได้ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ : )

Natadera Temple

แผนที่ Natadera Temple

Yunokuni-no-Mori

Yunokuni-no-Mori

เดินเล่นดูใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดนาทะเดะระสักพัก มองดูนาฬิกาก็ใกล้เที่ยงแล้ว เดี๋ยวเราจะมูฟไปหาอาหารกลางวันทานกันที่ Yunokuni-no-Mori (ゆのくにの森) เป็นธีมปาร์คธีมหมู่บ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่มีทั้งมุมถ่ายรูปสวยๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ รวมไปถึงแกลอรี่งานคราฟต์ที่มี Workshop งานศิลปะให้เราได้ลองทำด้วย ถ้าใครมีเวลาอยากลองทำเวิร์คช็อปสนุกๆ ก็เข้าไปเลือกกิจกรรมกันได้ คลิกที่นี่เลย

Yunokuni-no-Mori

ที่นี่มีค่าเข้า 550 เยน นะคะ ด้านในกว้างขวางและมีหลายโซนมาก สวยตั้งแต่ทางเข้าเลยทีเดียว

Yunokuni-no-Mori

ในร้านค่อนข้างกว้างขวางและมีที่นั่งหลายโต๊ะเลย

Yunokuni-no-Mori

สองเมนูไฮไลท์ของร้านนี้ คือ Kanazawa Curry และ Komatsu Udon อร่อยทั้งสองจานเลยย

Yunokuni-no-Mori

กินข้าวแล้วต้องตบท้ายด้วยของหวาน! มาเที่ยวอิชิกาวะแล้วต้องไม่พลาดซอฟท์ครีมเลี่ยมทองนะคะ ได้มาตอนแรกแทบไม่กล้ากิน แต่พอลองแล้วก็ไม่ได้มีรสชาติของทองนะคะ มีแต่รสชาติของซอฟท์ครีมที่อร่อยละมุนลิ้นมากกก พร้อมด้วยทองคำเปลวที่ติดตามปากประหนึ่งเหมือนเป็นปากทองคำ 555

Yunokuni-no-Mori

อิ่มแล้วก็เดินเล่นต่อ ข้างในมีมุมถ่ายรูปหลายมุมมาก มุมไฮไลท์ของคือถนนร่ม จุดนี้ต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปเช็คอินเลยน้า

Yunokuni-no-Mori

มีบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนะคะ โชคดีจริงๆ ที่มาเจอช่วงที่กำลังพีคสวยพอดีเลย

Yunokuni-no-Mori

แผนที่ Yunokuni-no-Mori

Kakusenkei Gorges

Kakusenkei Gorges

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีจุดต่อไป อยู่ไม่ไกลจาก Yunokuni-no-Mori มากค่ะ ขับรถประมาณ 20 นาที เดี๋ยวจะพาไปดื่มด่ำกับธรรมชาติของ Ishikawa พร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ที่ Kakusenkei Gorges (鶴仙渓) กันต่อค่ะ

Kakusenkei Gorges

Kakusenkei Gorges คือ ช่องเขาและเส้นทางธรรมชาติที่ตัดผ่านมานากะ ออนเซ็น (Yamanaka Onsen) มีเทรลสำหรับเดินป่า ระยะทางประมาณ 1.3 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเลียบแม่น้ำไดโชจิ (Daishoji River) ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้ก็คือสวยงามและได้รับความนิยมมากๆ ค่ะ ถ้ามีเวลาไม่มากพอ จะแวะมาถ่ายรูปเฉยๆ เหมือนเราก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเดินให้ครบ 1.3 กิโล เพราะแค่ช่วงต้นทาง บรรยากาศรอบๆ ก็คือสวยงามมากจนอดใจไม่ไหวที่จะหยิบกล้องขึ้นมาแชะภาพแบบรัวๆ แล้วล่ะค่า

Kakusenkei Gorges
Kakusenkei Gorges

เที่ยวญี่ปุ่นมาตั้งหลายครั้ง นี่เป็นทริปแรกที่ได้มาเที่ยวจังหวัดอิชิกาวะ (Ishikawa) แบบเต็มๆ ต้องบอกว่าประทับใจมากๆ ค่ะ เราว่าอิชิกาวะเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายมาก สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไวบ์ไม่ซ้ำกันเลย มีทั้งที่เที่ยวแบบธรรมชาติ วัฒนธรรม เมืองออนเซ็น รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบร่วมสมัย มาเที่ยวที่นี่ 3 วัน 2 คืน เหมือนได้เที่ยวญี่ปุ่นครบทุกยุคเลยล่ะค่ะ ที่สำคัญยังเดินทางจากโตเกียวมาง่ายมาก จะนั่งชินคันเซ็นก็ได้ หรือบินไฟลท์ภายในประเทศมาก็สะดวก ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวในญี่ปุ่นฟีลแบบใหม่ๆ ที่มาแล้วรู้สึกคุ้มค่า เราแนะนำ Ishikawa เลย เดี๋ยวจะมีรีวิวแบบเวอร์ชั่นวิดีโอด้วยนะคะ และทริปนี้เราแวะไปเที่ยว “ฟุกุอิ” จังหวัดที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วย เดี๋ยวจะทำรีวิวมาฝากเร็วๆ นี้ ยังไงฝากรอติดตามด้วยน้าาา : )

Kakusenkei Gorges

Related Stories

Discover

รวม 10 พิกัด ที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ถ่ายรูปสวยชิค

หลังจากจีนฟรีวีซ่าก็ทำเอาเราหยุดเที่ยวจีนไม่ได้เลย หลงเสน่ห์ประเทศนี้เข้าเต็มเปา! ใครที่กำลังลังเลใจ กล้าๆ กลัวๆ ว่าจะไปเที่ยวจีนด้วยตัวเองครั้งแรกดีมั้ย? แนะนำลองจองตั๋วบินไปเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ก่อนเป็นที่แรกเลยค่ะ เพราะเที่ยวง่าย การเดินทางสะดวกสบาย มีรถไฟใต้ดินไปถึงทุกที่ บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ไฮเทค...

วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน สำหรับเดินทางข้ามเมือง

หลังจากจีนฟรีวีซ่าให้คนไทยได้เข้าไปเที่ยวประเทศจีนอย่างสะดวกโยธินมากยิ่งขึ้นแล้ว เชื่อว่ามีสายเที่ยวหลายคนที่กำลังเมียงมองประเทศจีนไว้เป็นหนึ่งใน Destination List อาจจะตั้งคำถามว่า เที่ยวจีนด้วยตัวเองยากมั้ย? เราอยากจะย้ำความมั่นใจให้ว่า "เที่ยวจีนด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด" เลยค่ะ โพสนี้เราก็เลยอยากมาแชร์ วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน ไว้ให้เป็นข้อมูล สำหรับคนที่มีแพลนอยากไปเที่ยวจีนด้วยตัวเอง อยากจะบอกว่าการเดินทางไปเมืองใกล้เคียงด้วยรถไฟความเร็วสูงนั้นเป็นวิธีที่คนจีนใช้กันเป็นเรื่องปกติมากๆ...

รีวิว ซัวเถา (Shantou) กิน เที่ยว มู รับเฮงปีมังกร 3 วัน...

ยินดีกับนักท่องเที่ยวไทยทุกคนที่กำลังจะมีประเทศฟรีวีซ่าให้เที่ยวเพิ่มอีกหนึ่งประเทศแล้ววว นั่นก็คือ “ประเทศจีน” นั่นเอง โพสนี้ก็เลยจะขอพาไปเปิดม่านเมือง "ซัวเถา" บ้านเกิดของคนไทยเชื้อสายจีนในอดีตที่โล้สำเภาเดินทางแบบเสื่อผืนหมอนใบมาตั้งรกรากในประเทศไทย จะขอพาไป กิน เที่ยว มู ในเมืองซัวเถา และแต้จิ๋ว หนึ่งในที่เที่ยวเมืองจีนที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกแบบเราที่สุด...

รีวิว Sea Season Pool Villas ที่พักสวยติดทะเลพัทยา

วันหยุดว่างๆ ทีไร เราล่ะชอบพาตัวเองไปพักผ่อนชิลๆ ที่พัทยามากจริงๆ อาจเพราะเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปไม่ไกล ก็ได้นั่งมองทะเลสวยๆ แล้ว โพสนี้ก็เลยอยากมารีวิวที่พักติดทะเลพัทยาที่เพิ่งไปมาแล้วชอบมากอย่าง Sea Season Pool Villas Pattaya...

รีวิว เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) อัพเดทมุมถ่ายรูปชิค

นี่คือการมาเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ประเทศจีน เป็นครั้งแรกในชีวิตของเรา อยากจะบอกว่าเปิดมุมมองมากกก เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองไวบ์ดีกว่าที่คิด ไลฟ์สไตล์ของที่นี่ก็ชิลสุดอะไรสุด บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ ที่สำคัญคือเป็นประเทศจีนที่เที่ยวง่ายมากค่ะ มีรถไฟใต้ดินหลายสาย การเดินทางไม่ซับซ้อน คนจีนที่นี่ส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษง่ายๆ...

แผนเที่ยวฟุกุอิ (Fukui) ดื่มด่ำธรรมชาติ ย่ำรอยประวัติศาสตร์ ในเมืองสุดอันซีนของญี่ปุ่น

แผนเที่ยวฟุกุอิ เล่มนี้ จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสูดกลิ่นอายอดีต ย่ำรอยประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาของแดนปลาดิบ พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติให้ฉ่ำปอด ในจังหวัดสุดอันซีนที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทรงเสน่ห์อย่าง ‘ฟุกุอิ’ ฟุกุอิ เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์หลายหลากซุกซ่อนไว้อย่างคาดไม่ถึง ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการวิจัยฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ‘Fukui Prefectural Dinosaur Museum’...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่