หลังจากจีนฟรีวีซ่าให้คนไทยได้เข้าไปเที่ยวประเทศจีนอย่างสะดวกโยธินมากยิ่งขึ้นแล้ว เชื่อว่ามีสายเที่ยวหลายคนที่กำลังเมียงมองประเทศจีนไว้เป็นหนึ่งใน Destination List อาจจะตั้งคำถามว่า เที่ยวจีนด้วยตัวเองยากมั้ย? เราอยากจะย้ำความมั่นใจให้ว่า “เที่ยวจีนด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด” เลยค่ะ โพสนี้เราก็เลยอยากมาแชร์ วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน ไว้ให้เป็นข้อมูล สำหรับคนที่มีแพลนอยากไปเที่ยวจีนด้วยตัวเอง อยากจะบอกว่าการเดินทางไปเมืองใกล้เคียงด้วยรถไฟความเร็วสูงนั้นเป็นวิธีที่คนจีนใช้กันเป็นเรื่องปกติมากๆ เพราะสะดวก รวดเร็ว แถมยังราคาไม่แพงมากอีกด้วย ส่วนจะมีขั้นตอนอะไรยังไงบ้างนั้น ตามมาดู How to ง่ายๆ แบบ Step by Step ในโพสนี้กันค่ะ : )
วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน
1. อันดับแรก จองตั๋วผ่าน Trip.com หรือ Railway 12306 (สามารถดาวน์โหลดแอปฯ เก็บไว้ในสมาร์ทโฟนได้เลย) ส่วนตัวเราจองผ่าน Railway 12306 เพราะราคาถูกกว่า และไม่เก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม ข้อเสียคือไม่มีภาษาไทย แต่มีภาษาอังกฤษ และเข้าใจไม่ยาก สำหรับที่นั่งจะไม่สามารถเลือกเองได้ แต่ก่อนจ่ายตังค์ ระบบจะขึ้นหมายเลขที่นั่งบอกเราก่อนเลยว่าจะได้นั่งคู่กันหรือเปล่า (กรณีที่ไปด้วยกัน) หรือจะจองผ่าน Trip.com ก็ได้เช่นกัน เพราะมีภาษาไทย เข้าใจง่าย และสามารถเลือกที่นั่งได้ด้วยว่าจะนั่งฝั่งไหน ริมทางเดินหรือติดหน้าต่าง (แต่ไม่การันตีว่าจะได้ที่นั่งตามนั้นรึเปล่า เพราะบางคนก็บอกว่าไม่ได้ตามที่ระบุค่ะ) ข้อเสียก็คือราคาแพงกว่าเล็กน้อย เพราะมีการเก็บค่าเนียมการจองเพิ่มอีกนิดหน่อยค่า > ดูวิธีการจองตั๋วรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน
ปล. ต้องมีการระบุหมายเลขพาสปอร์ตตอนจอง เพราะพาสปอร์ตจะเป็นเหมือนตั๋วรถไฟสำหรับใช้เช็คอินตอนถึงสถานีรถไฟค่ะ
2. เมื่อถึงวันเดินทาง แนะนำให้ไปถึงที่สถานีก่อนเวลารถไฟออกสักประมาณ 30 – 40 นาที เพราะขั้นตอนค่อนข้างเยอะ ต้องตรวจกระเป๋าก่อนเข้าสถานี และเขาจะปล่อยให้เข้าไปที่ชานชาลาเป็นรอบๆ ไม่ปล่อยให้ไปยืนรออิสระเหมือนประเทศอื่นๆ ค่ะ
3. พอตรวจกระเป๋า ผ่านเข้ามาในสถานีแล้ว ให้ไปดูหมายเลขรถไฟของเราที่จอในสถานี เหมือนขึ้นเครื่องบินเลยค่ะ ในจอจะระบุหมายเลขขบวนรถไฟ พร้อมเวลาเดินทาง (ดูหมายเลขให้ตรงกับในตั๋วนะ) และบอกว่าเราต้องไปเช็กอินผ่านทางประตูไหน เปิดให้เข้าหรือยัง
ถ้าเปิดแล้วก็จะเห็นคนจีนมายืนต่อแถวกันยาววว ไม่ต้องตกใจ เพราะทุกคนจะได้เข้าไปพร้อมกัน ไม่มีใครได้เข้าไปก่อน เลยต้องมายืนออกันแบบนี้นี่ล่ะค่า
4. สิ่งสำคัญที่สุดที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ “พาสปอร์ต” เพราะเป็นเหมือนบัตรประชาชนของเราในเมืองจีนเลย พอถึงเวลาเช็คอิน เราจะต้องยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่สแกน (คนจีนเขาจะใช้บัตรประชาชนกัน) ข้อมูลการเดินทางของเราก็จะโชว์ขึ้นระบบให้เจ้าหน้าที่เห็น เขาก็จะให้เราผ่านเข้าไปที่ชานชาลาได้ค่า
5. ในแอปฯ Railway 12306 ที่เราจองรถไฟมา จะระบุหมายเลขโบกี้ และหมายเลขที่นั่งของเราไว้แล้ว เราก็ไปขึ้นรถไฟตามโบกี้และที่นั่งที่ระบุไว้ได้เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงขบวน เพราะเขาปล่อยให้เข้ามาเป็นรอบๆ อยู่แล้ว ไม่มีผิดขบวนแน่นอนค่ะ
6. ในรถไฟจะมีทั้งตู้ชั้น 1 ชั้น 2 และตั๋วแบบยืน ซึ่งราคาถูกที่สุด ส่วนราคาชั้น 2 จะแพงขึ้นมาอีกเล็กน้อย และชั้น 1 ก็จะแพงขึ้นมาอีกนิดหน่อย ราคาทั้งหมดต่างกันไม่เยอะอย่างที่คิด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น ถ้าอยากนั่งสบายๆ แนะนำชั้น 1 เลยค่ะ คนน้อยกว่า และเป็นที่นั่งแบบ 2-2 ส่วนชั้น 2 จะเป็นที่นั่งแบบ 2-3 อ่อ แนะนำให้จองล่วงหน้านานหน่อยนะคะ จองกระชั้นชิดจะเหลือที่นั่งน้อย คนจีนเขานิยมเดินทางด้วยรถไฟความสูงกันเป็นเรื่องปกติเลยล่ะค่า
อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่า คนจีนนั้นเดินทางด้วยรถไฟความสูงกันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างเมือง เพราะสะดวก รวดเร็วกว่า แม้เราจะเคยชินภาพรถไฟความเร็วสูงในประเทศญี่ปุ่นอย่างชินคันเซ็นมากกว่า แต่ความเป็นจริงแล้ว รถไฟที่เร็วที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ประเทศจีนนะคะ ฉะนั้นถ้ามาถึงประเทศจีนแล้วก็อยากแนะนำให้ลองมานั่งรถไฟความเร็วสูงเที่ยวจีนดูสักครั้ง อาจจะจัดแพลนเป็น One Day Trip จากเมืองหลักที่เราไปเที่ยวก็ได้ เช่นตัวอย่างในโพสนี้ เรามาเที่ยวซัวเถาแล้วก็ได้นั่งรถไฟความเร็วสูงไปไหว้พระที่ศาลเจ้าพ่อเสือค่ะ ใครที่สนใจทริปซัวเถา อีกหนึ่งเมืองฮิตสำหรับสายมู สามารถแวะไปดูรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่เลยค่า
รีวิวซัวเถา (Shantou) กิน เที่ยว มู รับเฮงปีมังกร 3 วัน 2 คืน
รีวิวที่เที่ยวจีนยังมีอีกนะ
• วิธีจองตั๋วรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน ผ่านแอปฯ แบบละเอียด
• วิธีกรอกใบตม. ขาเข้าประเทศจีน (China Arrival Card)
• วิธีสมัคร Alipay และผูกบัตรสำหรับใช้จ่ายในประเทศจีน แบบละเอียด
• แพลนเที่ยวเซี่ยงไฮ้ อัพเดทมุมถ่ายรูปชิค
• รีวิวซัวเถา (Shantou) กิน เที่ยว มู รับเฮงปีมังกร 3 วัน 2 คืน
• รีวิว ZHotel The Somekh Building โรงแรมสวยใน “เซี่ยงไฮ้”