ทิ้งโลก ไปติด ‘เกาะหมาก เกาะขาม’ ดื่มด่ำน้ำทะเลสีมรกตแห่งฝั่งอ่าวไทย

ไหนใครบอกว่าอยากสัมผัสทะเลสีใสมรกตต้องลงใต้เท่านั้น นี่ขอปฏิเสธเสียงแข็งเลยว่าไม่จริ๊ง ~ เพราะฝั่งอ่าวไทยเขาก็มี Hidden Gems อย่าง ‘ทะเลตราด’ ซุกซ่อนไว้ให้สาวกทะเลได้พาตัวเองไปดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงามไม่แพ้ทะเลภาคใต้เหมือนกัน ทริปนี้เราก็เลยจะพาไปสัมผัสไข่มุกตะวันออกอย่าง ‘เกาะหมาก’ และ ‘เกาะขาม’ ซึ่งเงียบสงบและสวยเด็ดเทียบเท่า ‘เกาะกูด’ ที่เคยรีวิวไปแล้วหลายครั้ง เพิ่มเติมคือความเฟรชของธรรมชาติที่ออกจะมีมากกว่าเกาะกูดอยู่นิดหน่อย เพราะเกาะหมากเขาชูคอนเซปต์ Low Carbon เน้นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ลดการใช้พลาสติกและหันมาใช้สิ่งของที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกแทน ฉะนั้นทริปนี้ได้สูดโอโซนบริสุทธิ์แบบเต็มปอดแน่นอน!

การเดินทางไปเกาะหมาก

ปกติถ้าเดินทางไปตราด เราจะขับรถไป แต่พออายุอานามมากขึ้นก็เริ่มขี้เกียจนั่งรถนานๆ เพราะต้องใช้เวลาเดินทางนานประมาณ 5 ชั่วโมง ฉะนั้นทริปนี้เราก็เลยตัดสินใจนั่งเครื่องบินแทน ซึ่งสนามบินตราดจะมีแค่สายการบินเดียวเท่านั้นที่บินเส้นทางนี้ คือ Bangkok Airways นั่นเองค่ะ แน่นอนว่าทริปนี้จองผ่าน Traveloka อีกเช่นเคย กลายเป็นขาประจำไปแล้ว เพราะจองง่าย แถมเขาอัพเดทโปรโมชั่นอยู่ตลอดด้วย ฉะนั้นได้ราคาดีแน่นอน

จองตั๋วเครื่องบินไปตราดกับ Traveloka

บินช่วงนี้แนะนำให้เช็คมาตรการสนามบินก่อนเดินทางที่ > Click < เพราะแต่ละจังหวัดก็จะมีมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดที่แตกต่างกัน สำหรับการเดินทางไปตราดกับ Bangkok Airways นั้นใช้เพียงหลักฐานการฉีดวัคซีนในแอปฯ หมอพร้อมเท่านั้นค่ะ แสดงให้เจ้าหน้าที่ดูตั้งแต่ตอนเช็คอินเลย หลังจากนั้นก็ไม่มีการเช็คอะไรแล้ว แต่ตลอดการเดินทางก็แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย และพกเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือไว้ด้วยน้า เพื่อความปลอดภัยส่วนตัวค่า : )

สนามบินตราดเป็นสนามบินเล็กๆ เพราะมีเพียงสายการบินเดียว ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเลยค่ะ พอลงเครื่องปุ๊บ เราก็เดินออกไปหาคนขับรถรับส่งสนามบินที่จองไว้กับ Traveloka เช่นเดียวกัน เพื่อให้เขาพาไปส่งที่ท่าเรือแหลมงอบ ซึ่งเป็นท่าเรือที่เราต้องขึ้นเรือข้ามไปยังเกาะหมาก โดยการเดินทางจากสนามบินตราดไปท่าเรือแหลมงอบจะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แนะนำให้จองรถรับ – ส่งไว้ล่วงหน้าจะสะดวกกว่าหารถสาธารณะนะคะ เพราะไม่มีรถรับส่งตรงจากสนามบิน แต่เราต้องพาตัวเองไปขึ้นที่ขนส่งในตัวเมืองตราด จะค่อนข้างเสียเวลามากกว่าเดิม และอาจจะทำให้ไม่ทันเที่ยวเรือภายในวันนั้นได้ เนื่องจากเรือมีวิ่งเป็นรอบถึงแค่ 15.00 น. เท่านั้น สามารถจองรถรับส่งสนามบิน กับTraveloka ได้ที่นี่เลย > Click < หรือถ้าใครมีแพลนเที่ยวสถานที่อื่นๆ ในจังหวัดตราดด้วย อยากเช่ารถขับไปเองก็ได้นะคะ สามารถจองรถเช่า และเช่ารถ กับ Traveloka ได้ที่ > Click < เลยค่า




จากท่าเรือแหลมงอบไปเกาะหมากจะใช้เวลานั่งเรือประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงค่ะ เรือที่ใช้เดินทางจะเป็นสปีดโบ๊ทมีหลายบริษัทที่ให้บริการ สามารถเลือกตามเวลาได้เลย เพราะแต่จะเจ้าก็จะมีเวลาเดินเรือแตกต่างกัน เราสามารถจองเรือขาไปกับขากลับเป็นคนละเจ้ากันได้นะคะ สำหรับตารางเวลาเที่ยวเรือปัจจุบันลองดูตามข้อมูลด้านล่างได้เลย แต่แนะนำให้เช็คก่อนเดินทางทุกครั้ง เพราะแต่ละซีซั่นอาจจะมีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินเรือค่า

จากแหลมงอบไปเกาะหมาก
เรือเอ็มมารีน     11:30 น.
เรือปาหนัน       12:30 น.
เรือลีลาวดี        14:00 น.
เรือปาหนัน       15:00 น.

จากเกาะหมากกลับแหลมงอบ
เรือปาหนัน       09:00 น.
เรือเอ็มมารีน     10:00 น.
เรือลีลาวดี        11:30 น.
เรือปาหนัน       13:30 น.

ค่าเรือ ไป – กลับ 900 บาท/คน แต่ส่วนตัวเราจองเป็นแพ็คเกจกับทางรีสอร์ทที่เกาะหมาก The Mak Trat ซึ่งเขาจะรวมค่าเรือไป – กลับไว้ด้วยอยู่แล้ว แถมยังประสานจองเรือล่วงหน้าให้เราด้วยค่ะ เดี๋ยวเราจะรีวิวรีสอร์ทนี้แบบเต็มสตรีมด้านล่างน้า ส่วนตัวประทับใจมาก เพราะพนักงานน่ารักทุกคน แถมบรรยากาศยังดีงาม เป็นรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานด้วยค่ะ

The Mak Trat

เรียกว่าเป็นที่พักที่อยากชี้เป้าให้เป็นสถานที่ต้องเช็คอินในไทยเลย! เพราะดีงามมาก เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน แถมยังออกแบบสวยชิคสไตล์บาหลีสุด บรรยากาศก็สวยงาม เงียบสงบมาก ด้วยวิลล่าที่มีอยู่เพียง 17 หลัง แต่ละหลังมีเทอร์เรซส่วนตัวสำหรับนั่งชิลด้วย โดยวิลล่าที่นี่จะมีทั้งหมด 3 ไทป์ คือ Sala Villa / Sky View Villa และ Two Bedrooms Family Villa โซนที่เป็น Beach Front จะราคาสูงกว่าแถวถัดๆ ไปอยู่นิดหน่อย แต่วิวดีมาก ติดทะเลเลย

ส่วนตัวเราพัก Beach Front Sky View Villa ห้อง 105 น้องพนักงานบอกว่าเป็นห้องที่เจ้าของชอบมากที่สุด เพราะวิวดีสุด ติดทะเลแถมไม่มีอะไรมาบดบังทัศนียภาพเลย ซึ่งห้อง Sky View กับ Sala จะแตกต่างกันตรงสเปซสำหรับนั่งชมวิวค่ะ Sky View Villa จะมีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปนั่งเอนจอยกับวิวบนดาดฟ้าส่วนตัว ส่วน Sala Villa จะมีมุมศาลาเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าวิลล่า ตอนแรกก็ลังเลระหว่างสองไทป์นี้ แต่สุดท้ายก็เลือก Sky View Villa เพราะยูนีคกว่า ไม่ค่อยเห็นการออกแบบวิลล่าแบบนี้ที่ไหน เลยคิดว่าน่าจะถ่ายรูปสวยกว่า แฮร่ ~

เตียงนอนดูดวิญญาณมากกก เจอที่พักที่มีหมอนข้างแบบนี้ ชนะเลิศไปเลยสำหรับคนติดหมอนอย่างเรา!
ที่เห็นเป็นประตูไม้คือห้องน้ำค่ะ แบ่งโซนแห้ง โซนเปียกชัดเจน มีน้ำอุ่นด้วยนะ สบายเลย
ห้องที่เราพักคือ ห้อง 105 มองเห็นวิวทะเลแบบนี้ แต่ในรูปถ่ายตอนเย็นซึ่งเป็นเวลาน้ำลง ช่วงนี้น้ำจะขึ้นช่วงเช้าค่า

สำหรับราคา ถ้าเป็นเรตปกติจะเริ่มต้นที่ 4,500 บาท/คืน แต่เราจองเป็นโปรโมชั่นแพ็คเกจของทางรีสอร์ท 13,999 บาท รวมห้องพัก 2 คืน + อาหารเช้า + เรือไป – กลับ พร้อมรถรับส่งระหว่างท่าเรือบนเกาะหมากกับที่พัก + Welcome Set Afternoon Tea + Food Credit 999 บาท อยากจะบอกว่าคุ้มมากกก เพราะไปกันสองคน หารกันก็จ่ายคนละประมาณ 7,000 บาทเองค่ะ พนักงานที่รีสอร์ทน่ารักทุกคน นี่ยังคิดว่าจะหาโอกาสกลับไปพักอีกครั้งเลยค่ะ กลับไปอีกครั้งคงจะพักสัก 3 คืน เอาให้เต็มอิ่มกันไปเลย

สนใจจองที่พัก The Mak Trat สามารถคลิกลิงค์ด้านล่างได้เลยนะคะ




อาหารเช้าของที่นี่สามารถเลือกทานที่ริมสระว่ายน้ำส่วนกลางหรือทานที่วิลล่าก็ได้ ไม่มีชาร์จเพิ่มค่ะ สำหรับเราที่เลือกห้องพักแบบ Sky View แล้ว แน่นอนว่าต้องเลือกทานที่วิลล่าสิจ๊ะ วิวดีขนาดนี้ ไม่อยากจะมูฟไปไหนเลย

ด้วยความที่เกาะหมากเขาชูคอนเซปต์ Low Carbon และที่พักทั้งหมดบนเกาะก็ให้ความร่วมมือด้วย ฉะนั้นที่ The Mak เองก็จะเน้นใช้สิ่งของที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้และลดการใช้พลาสติกให้มากที่สุดค่ะ อาหารเช้าก็เลยเสิร์ฟมาในปิ่นโต แม้กระทั่งหลอดดูดน้ำเขาก็ยังใช้เป็นแบบกระดาษ น้ำเปล่าฟรีในห้องพักเองก็ใส่ขวดแก้ว แทบจะไม่มีพลาสติกในรีสอร์ทเลย เจอแบบนี้แล้วก็แอบคิดถึงเกาะกิลี เมโน ประเทศอินโดนีเซีย ที่เราเคยไปมา เขาก็เน้นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติแบบนี้เหมือนกัน แต่ที่โน้นออกจะฮาร์ทคอกว่านิดตรงที่ใช้แต่รถม้า ไม่ใช้เครื่องยนต์บนเกาะเลย สำหรับที่เกาะหมาก เวลาจะเดินทางไปสถานที่อื่นๆ บนเกาะจะสามาถใช้บริการรถกอลฟ์ของรีสอร์ทได้ มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 50 บาท/คน/เที่ยวค่ะ

สำหรับอาหาร เราฝากท้องที่รีสอร์ทแทบทุกมื้อค่ะ ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และก็บาร์ ตั้งอยู่ใกล้ล็อบบี้ที่เช็คอินเลย จะอยู่ด้านบนสุดของรีสอร์ท ถ้าเดินทางวิลล่าอาจจะไกลสักหน่อย แต่เขามีรถกอล์ฟให้บริการภายในรีสอร์ทฟรีค่ะ อยากให้มารับเมื่อไรก็ไลน์บอกน้องพนักงานได้เลย ตรงด้านหน้าของร้านอาหารจะเป็นสระว่ายน้ำด้วย มองเห็นวิวทะเลสวยมากทีเดียวเชียวค่ะ

ลืมเล่าว่าตอนเช็คอินเสร็จปุ๊บ เขาก็จะพาเรามานั่งริมสระว่ายน้ำเพื่อทาน Welcome Set Afternoon Tea ซึ่งรวมอยู่ในราคาที่เราจ่ายในแพ็คเกจ เราว่าเบเกอรี่ที่นี่อร่อยดีค่ะ โดยเฉพาะครัวซองต์ อร่อยมากกก
อาหารที่รีสอร์ทรสชาติโอเคค่ะ อาจจะรสจัดจ้านไปนิสสำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะแบบเรา แต่ก็มีให้เลือกสั่งทั้งอาหารไทย และอาหารฝรั่ง พวกสปาเก็ตตี้ พิซซ่า ซึ่งถาดใหญ่มากกก กินกันสองคนไม่หมดล่ะค่า 

ทะเลที่เกาะหมาก น้ำอาจจะไม่ใส่เท่าเกาะกูด แต่เรื่องบรรยากาศที่เงียบสงบนี่ต้องยกให้ที่นี่จริงๆ เราว่าเกาะกูดน่าจะเหมาะสำหรับการไปเที่ยว ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น Snorkelling พายคายัค แต่สำหรับเกาะหมาก แค่มีหนังสือเล่มเดียว เราว่าก็อยู่ได้เป็นวันๆ โดยไม่ต้องทำอะไรแล้วค่ะ เหมาะสำหรับการมาชาร์จพลัง ฮีลใจแบบทิ้งโลก ทิ้งความวุ่นวายมาติดเกาะอย่างแท้ทรู

Koh Kham

ทริปนี้เรามาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน นอนที่ เกาะหมาก ทั้งสองคืนเลย ซึ่งจริงๆ แล้วนอกจากบริเวณรีสอร์ท บนเกาะหมากก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ให้เที่ยวนะคะ แต่ถ้าใครอยากสัมผัสกับน้ำทะเลสีมรกตสวยใส แนะนำให้นั่งเรือข้ามไปเที่ยว ‘เกาะขาม’ จะได้ฟีล TravelLocal มาก แล้วจะหลงรักทะเลไทย เที่ยวไทยใช่ที่สุดจริงๆ นะ โดยการเดินทางจากเกาะหมากไปเกาะขามนั้นใช้เวลานั่งเรือแค่ 10 นาทีเองค่ะ ลองเปิดแมปไปเช็คอินตามได้เลย! เห็นบางคนพายคายัคไปก็ได้ แต่ก็ต้องอึดถึกทนสักหน่อย เพราะค่อนข้างไกลพอสมควร เห็นน้องที่รีสอร์ทบอกว่าบางทีพายไปถึง แต่พายกลับไม่ไหวต้องเรียกเรือไปรับก็มี ฉะนั้นถ้าไม่อึดจริง แนะนำนั่งเรือดีกว่าค่ะ 555 

เราสามารถติดต่อจองเรือกับทางรีสอร์ทได้เลย ราคา 600 บาท/คน ราคานี้รวมค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะ ซึ่งสามารถนำไปแลกเป็นเครื่องดื่มบนเกาะได้จ้า

เกาะขามนั้นเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่มากค่ะ กะด้วยสายตาแล้วดูไม่ไกลจากเกาะหมากมากนัก แต่สีน้ำทะเลนี่ต่างกันพอสมควรเลย น้ำที่เกาะขามจะใสมรกตกว่าอย่างเห็นได้ชัด ที่นี่ก็เลยได้ฉายาว่าเป็น ‘ไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด’ อีกทั้งยังมีหาดทรายที่ขาวเนียนละเอียดมาก ช่วงเวลาน้ำลงจะมีสันทรายโผล่ขึ้นมากลางทะเลให้เราได้เดินไปถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย เป็นเกาะที่ไซส์มินิแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความพิเศษมากมายเกินความคาดหมายเลยล่ะค่ะ

แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก็มีจุดถ่ายรูปเยอะเลยนะ โดยเฉพาะบริเวณสะพานไม้ตรงนี้ ถ้าเดินไปจนปลายสุดจะมองเห็นปะการังและปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายอยู่ตรงหน้าเลย เห็นแล้วอดคิดถึงมัลดีฟส์ไม่ได้ บรรยากาศแทบไม่ต่างกันเลยค่ะ ธรรมชาติที่เกาะขามยังเฟรชและสมบูรณ์อยู่มากจริงๆ

บนเกาะจะมีที่นั่งอยู่ไม่มากเท่าไร มีกระท่อมหลังเล็กๆ ตรงกลาง เป็นจุดเก็บตั๋วค่าธรรมเนียมสำหรับขึ้นเกาะ เราสามารถเอาตั๋วนี้มาแลกเป็นเครื่องดื่มที่นี่ได้เลย 




ช่วงที่เราไปคนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไรค่ะ เราสามารถอยู่บนเกาะได้จนกว่าจะพอใจเลย เกาะเปิดตั้งแต่ 09.00 – 16.00 น. ถ้าจะกลับเมื่อไรก็แจ้งเจ้าหน้าที่บนเกาะ เขาจะประสานกับเรือบนฝั่งเกาะหมากให้มารับเรา ถ้าใครไปช่วงนี้ น้ำจะลงตอนเย็นนะคะ ประมาณสัก 3 โมง สันทรายกลางทะเลจะเริ่มโผล่ขึ้นมาแล้ว ถ้าอยากเดินไปถ่ายรูป แนะนำให้มาสักประมาณบ่ายสองแล้วกลับสักสี่โมงก็ได้ ส่วนตัวเรามาถึงตั้งแต่เที่ยง อยู่ถึงประมาณสามโมงกว่าเลย เพราะบนเกาะชิลมากจริงๆ น่าเสียดายที่บนเกาะยังไม่มีที่พัก (แต่เห็นแพลนไว้ว่าจะทำนะคะ) คือแค่คิดว่าได้นอนค้างที่นี่สักคืนสองคืน แหวกว่ายน้ำทะเล เดินเล่นบนสันทรายสีขาว แค่นี้ก็ฟินเกินฟินแล้วจ้าแม่!

ได้ยินว่านักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า บริเวณเกาะขามนั้นเคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน ฉะนั้นหินริมทะเลที่เห็นนี้ก็เลยมีสีดำ ดูสวยแปลกตามากทีเดียว  

ในฐานะที่เป็นคนรักทะเลมาก ทั้งมหาสมุทรอินเดีย ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เราพาตัวเองดั้นด้นไปถึงหมด นี่กล้าพูดเลยว่าทะเลไทยสวยไม่แพ้ที่ใดจริงๆ โดยเฉพาะทะเลฝั่งตะวันออกอย่าง ‘ตราด’ เป็นทะเลที่เราชอบมากกก ไปมาน่าจะเกือบๆ สิบครั้งได้แล้ว อาจเพราะความเงียบสงบและธรรมชาติที่ฟลูฟิลฮีลใจในวันเหนื่อยล้าได้ดีจริงๆ ใครที่ทำงานเหนื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี ลองหาเวลาว่างไปพักผ่อนสักหน่อยนะคะ เราว่าเมืองไทยช่วงนี้เป็นเวลาที่น่าเที่ยวที่สุดแล้ว นักท่องเที่ยวน้อย ไม่วุ่นวาย โดยเฉพาะถ้าไปเที่ยวเกาะนี่คือแทบจะกลายเป็นเกาะส่วนตัวได้เลย พาตัวเองไปพักสัก 3 วัน 2 คืน น่าจะชาร์จพลังได้เต็มแม็กซ์อยู่ เผลอๆ กลับมามีแรงทำงานต่อได้จนถึงสิ้นปีเลย! : )

เกาะหมาก เกาะขาม
Niichiiz *
Niichiiz *https://movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

รวม 10 พิกัด ที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ถ่ายรูปสวยชิค

หลังจากจีนฟรีวีซ่าก็ทำเอาเราหยุดเที่ยวจีนไม่ได้เลย หลงเสน่ห์ประเทศนี้เข้าเต็มเปา! ใครที่กำลังลังเลใจ กล้าๆ กลัวๆ ว่าจะไปเที่ยวจีนด้วยตัวเองครั้งแรกดีมั้ย? แนะนำลองจองตั๋วบินไปเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ก่อนเป็นที่แรกเลยค่ะ เพราะเที่ยวง่าย การเดินทางสะดวกสบาย มีรถไฟใต้ดินไปถึงทุกที่ บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ไฮเทค...

วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน สำหรับเดินทางข้ามเมือง

หลังจากจีนฟรีวีซ่าให้คนไทยได้เข้าไปเที่ยวประเทศจีนอย่างสะดวกโยธินมากยิ่งขึ้นแล้ว เชื่อว่ามีสายเที่ยวหลายคนที่กำลังเมียงมองประเทศจีนไว้เป็นหนึ่งใน Destination List อาจจะตั้งคำถามว่า เที่ยวจีนด้วยตัวเองยากมั้ย? เราอยากจะย้ำความมั่นใจให้ว่า "เที่ยวจีนด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด" เลยค่ะ โพสนี้เราก็เลยอยากมาแชร์ วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน ไว้ให้เป็นข้อมูล สำหรับคนที่มีแพลนอยากไปเที่ยวจีนด้วยตัวเอง อยากจะบอกว่าการเดินทางไปเมืองใกล้เคียงด้วยรถไฟความเร็วสูงนั้นเป็นวิธีที่คนจีนใช้กันเป็นเรื่องปกติมากๆ...

รีวิว ซัวเถา (Shantou) กิน เที่ยว มู รับเฮงปีมังกร 3 วัน...

ยินดีกับนักท่องเที่ยวไทยทุกคนที่กำลังจะมีประเทศฟรีวีซ่าให้เที่ยวเพิ่มอีกหนึ่งประเทศแล้ววว นั่นก็คือ “ประเทศจีน” นั่นเอง โพสนี้ก็เลยจะขอพาไปเปิดม่านเมือง "ซัวเถา" บ้านเกิดของคนไทยเชื้อสายจีนในอดีตที่โล้สำเภาเดินทางแบบเสื่อผืนหมอนใบมาตั้งรกรากในประเทศไทย จะขอพาไป กิน เที่ยว มู ในเมืองซัวเถา และแต้จิ๋ว หนึ่งในที่เที่ยวเมืองจีนที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกแบบเราที่สุด...

รีวิว Sea Season Pool Villas ที่พักสวยติดทะเลพัทยา

วันหยุดว่างๆ ทีไร เราล่ะชอบพาตัวเองไปพักผ่อนชิลๆ ที่พัทยามากจริงๆ อาจเพราะเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปไม่ไกล ก็ได้นั่งมองทะเลสวยๆ แล้ว โพสนี้ก็เลยอยากมารีวิวที่พักติดทะเลพัทยาที่เพิ่งไปมาแล้วชอบมากอย่าง Sea Season Pool Villas Pattaya...

รีวิว เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) อัพเดทมุมถ่ายรูปชิค

นี่คือการมาเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ประเทศจีน เป็นครั้งแรกในชีวิตของเรา อยากจะบอกว่าเปิดมุมมองมากกก เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองไวบ์ดีกว่าที่คิด ไลฟ์สไตล์ของที่นี่ก็ชิลสุดอะไรสุด บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ ที่สำคัญคือเป็นประเทศจีนที่เที่ยวง่ายมากค่ะ มีรถไฟใต้ดินหลายสาย การเดินทางไม่ซับซ้อน คนจีนที่นี่ส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษง่ายๆ...

แผนเที่ยวฟุกุอิ (Fukui) ดื่มด่ำธรรมชาติ ย่ำรอยประวัติศาสตร์ ในเมืองสุดอันซีนของญี่ปุ่น

แผนเที่ยวฟุกุอิ เล่มนี้ จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสูดกลิ่นอายอดีต ย่ำรอยประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาของแดนปลาดิบ พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติให้ฉ่ำปอด ในจังหวัดสุดอันซีนที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทรงเสน่ห์อย่าง ‘ฟุกุอิ’ ฟุกุอิ เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์หลายหลากซุกซ่อนไว้อย่างคาดไม่ถึง ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการวิจัยฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ‘Fukui Prefectural Dinosaur Museum’...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่