ไปดูแสงสีที่ “นีงาตะ” เมืองท่าน่าเที่ยว ใกล้โตเกียวนิดเดียวเอง!

ไปดูแสงสีที่ "นีงาตะ" เมืองท่าน่าเที่ยว ใกล้โตเกียวนิดเดียวเอง!

Niigata, Japan

- March, 2018 -

โฉบไปโฉบมาหลายครั้งกับ “จังหวัดนีงาตะ (Niigata)” เมืองท่าน่าเที่ยวที่อยู่ใกล้โตเกียวแค่เอื้อมมือ! .. หลังจากที่เราแวะเวียนไปเที่ยวเกาะซาโดะในรีวิว Sado Island เกาะเดียวเที่ยวได้ทุกฤดู! ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดของนีงาตะถึงสองครั้ง เราก็ยังไม่มีโอกาสได้อยู่เที่ยวที่นีงาตะแบบเต็มอิ่ม และแนะนำเมืองนี้อย่างเป็นทางการสักที ฤกษ์งามยามดีคราวนี้ละ .. ได้โอกาสแล้วค่ะคุณ!




ทำความรู้จักเมืองนีงาตะกันสักหน่อย

“นีงาตะ” เป็นเมืองท่าที่มีชีวิตชีวา ซู่ซ่าแต่ก็มีความเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคจูบุ (Chubu) เมืองนี้ละที่จะต้องแวะมาลงเรือเพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะซาโดะ เกาะสุดสวยขวัญใจเราที่มาเล่าให้ฟังกันแล้วถึงสองครั้งสองครา เมืองนีงาตะแห่งนี้ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมมากมาย และด้วยความที่เป็นเมืองท่ามาแต่ดั้งเดิมในอดีต เราจึงพบเห็นอาคารดีไซน์สวยงามผสมผสานกลิ่นอายหลากสไตล์มากมายได้ในเมืองนี้ ใครชอบเดินเล่นหรือปั่นจักรยานเที่ยวชิลล์ๆ คือดีมากกกก โดยเฉพาะโซนใกล้กับ สะพานบันได (Bandai) ถือเป็นไฮไลท์ในยามเย็นเลย ตัวสะพานทอดยาวเชื่อมสองฟากฝั่งเมืองที่มีหน้าตาต่างกันโดยสิ้นเชิงให้รวมเป็นเมืองเดียว ฝั่งหนึ่งจะเห็นตึกรามทันสมัยสูงสะใจในสไตล์เมื้องงงเมือง ในขณะที่อีกฝั่งมองไป จะเจออาคาร Minatopia Niigata City History Museum ตั้งตระหง่านสวยสง่า ด้วยหน้าตาสถาปัตยกรรมที่ผสานความเป็นตะวันออกพองาม เลาะเลียบริมน้ำคือทางเดินกว้างขวางที่ในฤดูใบไม้ผลิจะเห็นเป็นทิวซากุระยาวเหยียด บอกเลยนะ ว่าแค่โซนนี้ก็ทำเอาใจเรากระเจิดกระเจิง อยากย้ายมานั่งชิลล์ๆ เดินไปเดินมาชมพระอาทิตย์ตกแถวนี้นานๆ คงจะฟินน่าดู : )

การเดินทางสู่เมืองนีงาตะ

จากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) สามารนั่งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นซิ่งปรู๊ดปร๊าดต่อเดียวไปถึงสถานีนีงาตะ (Niigata Station) ได้ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ค่าโดยสารแบบจองที่นั่งคือ 10,770 เยนต่อเที่ยว แบบไม่จองที่นั่ง 10,050 เยนต่อเที่ยว สามารถใช้ JR Rail Pass หรือ JR EAST PASS Nagano – Niigata Area ได้ ซึ่งเราแนะนำว่าใช้พาสน่าจะคุ้มกว่า เพราะค่าชินคันเซ็นไป – กลับ ก็ล่อไปสองหมื่นกว่าเยนแล้ว แต่ค่าพาส JR EAST PASS Nagano – Niigata Area จะอยู่ที่ราคา 17,000 เยน แถมยังสามารถใช้นั่งชินคันเซ็นหรือรถไฟ JR ไปเที่ยวยังจังหวัดนากาโนะ (Nagano) ได้อีกด้วย



แวะดู แสง สี เสียง ชมพลุฤดูหนาวแบบอลังการดาวล้านดวงที่เมืองโทคามาจิ
Photo:Tsutomu Yamada

ก่อนจะมาถึงตัวจังหวัดนีงาตะ เราได้จังหวะเหมาะแวะดูเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่และโด่งดังระดับโลก ที่เมืองโทคามาจิ (Tokamachi) กันก่อนหนึ่งคืน เพราะงานนี้จะจัดแค่ปีละครั้งเท่านั้น นั่นคือทุกวันเสาร์แรกของเดือนมีนาคม แล้วในเมื่อเรามาได้จังหวะพอดิ๊บพอดี จะให้ทำใจมองข้ามงานเทศกาลดีๆ แบบนี้ไป .. ก็คงไม่ใช่เรา!

Photo:Tsutomu Yamada

ที่ว่างานนี้เขาดังระดับโลกน่ะ ไม่ได้โม้นา เพราะถ้าใครอยากมางานนี้ เขาแทบจะต้องจองที่พักกันข้ามปีเลยนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นคืออดแน่นอน ซึ่งทริปนี้เราเลือกนอนในตัวเมืองยูซาว่า แล้วนั่งรถไฟต่อมาที่เมืองโทคามาจิ เขาจะมีรถบัสรับ-ส่งจากสถานีรถไฟโทคามาจิไปเกยที่หน้างานเลยละ แสนจะง่ายดาย!

แล้วจะขอพูดตรงนี้เลยยยยย ว่างานนี้มันได้ใจ! ดอกไม้ไฟเค้าตระการตาสมคำร่ำลือ ตลอดเวลากว่าสิบนาทีที่บนท้องฟ้าสว่างไสวไปด้วยแสงสีสุดเร้าใจ หูเราก็จะได้ยินเพลงประกอบดีๆ ที่มีดีเจระดับโลกสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเปิดทุกปี แถมด้านล่างที่เป็นพื้นหิมะหนานุ่มสีขาวกว้างขวาง ยังมีการนำไฟ LED สารพัดสีไปฝังเอาไว้ คือแค่เดินเข้าไปในงาน ยังไม่ต้องจุดดอกไม้ไฟ เราก็เหมือนได้อยู่ในนิทานหรือฉากหนังโรแมนติกซักเรื่องแล้วละ .. ฟินมากกกก นี่ถ้ามีคนรู้ใจควงแขนมาซบกันดูดอกไม้ไฟ บอกได้เลยว่าที่สุด!!!! ส่วนป้า .. ข้ามจุดนั้นไป ปีนี้ยังหาไม่ได้ ปีหน้าจะมาใหม่แต่หัววัน มาหาเอาในงานนี่ละ จะได้สัมผัสประสบการณ์ฟินๆ กะเค้ามั่ง คอยดู!



Photo:Tsutomu Yamada

หลังจากความโรแมนซ์แบบเดียวดายใต้ดอกไม้ไฟของเราจบลง ก็ได้เวลากลับมานอนพักที่ตัวเมืองยูซาว่า เพราะเช้าวันรุ่งขึ้น เราแพลนจะเดินทางสู่ตัวเมืองนีงาตะด้วยรถไฟที่ได้ชื่อว่าเป็นอาร์ตแกลเลอรี่เคลื่อนที่ที่เร็วที่สุดในโลก! นั่นคือ “Genbi Shinkansen” ซึ่งจะวิ่งเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์จากสถานี Echigo – Yuzawa ถึงสถานี Niigata เท่านั้น .. ความพิเศษของรถไฟไซส์ 6 โบกี้นี้คือ ด้านในจะจัดแบ่งเป็นแกลเลอรี่แสดงภาพถ่ายและนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนที่แตกต่างกันไปในแต่ละขบวน รวมถึงมีคาเฟ่เล็กๆ และสนามเด็กเล่นรวมอยู่อีกด้วย ทำให้ช่วงเวลาการเดินทางราวหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วและแสนเพลิดเพลิน : )

สวัสดี นีงาตะ

ตัวเมืองนีงาตะนั้นเรียบง่ายแต่ทันสมัย เดินทางง่าย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้นักท่องเที่ยวอย่างครบครัน ตั้งแต่โรงแรม ร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง รวมถึงแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ในขณะที่ความพลุกพล่านวุ่นวายนั้นน้อยกว่าเมืองใหญ่อย่างโตเกียวเยอะเลยละ ที่สำคัญเมื่อมาถึงเมืองท่าที่อยู่ติดกับทะเลทั้งที มั่นใจได้เลยว่าเรื่องอาหารทะเลเค้าต้องเริ่ด! เราจึงเริ่มประเดิมประสบการณ์การกินในเมืองท่าสุดสวยแห่งนี้กันที่ “Benkei” ร้านซูชิสายพานชื่อดังในย่าน “Pier Bandai Market” ซึ่งเป็นแหล่งรวมสารพัดอาหารทะเลและร้านอาหารเอาไว้เพียบ! โดย Benkei น่าจะเป็นร้านดังในย่านนี้ ดูจากคิวที่แน่นเอี้ยดยาวเหยียดไม่ขาดสายตลอดระยะเวลาที่เรานั่งกิน ส่วนซูชิบนสายพานมีให้เลือกหลากหลายหน้าตาและราคา หลังจากได้ลองบอกเลยว่าฟินทุกคำ! วัตถุดิบสด ใหม่ ไร้ความคาว โดยเฉพาะ “ข้าว” ของเขานี่สมตำแหน่งหนึ่งในจังหวัดที่มี “ข้าว” อร่อยที่สุดจริงๆ ปรบมือรัวๆ




เราเริ่มต้นเช้าวันรุ่งขึ้นในเขตเมืองฟุรุมาจิ (Furumachi) หนึ่งในสามเมืองที่มีชื่อเสียงดังก้องเรื่อง “เกอิชาประจำเมือง” ที่ว่ากันว่าศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับสองย่านดังอย่างกิอง (Gion) ของเกียวโต และชิมบาชิ (Shimbashi) ของโตเกียวนั่นเลยเชียว โดยที่ฟุรุมาจินี้ จะเรียกเกอิชาของตนว่าว่า “เกอิกิ (Geigi)” ซึ่งเธอเหล่านี้รับหน้าที่เป็นผู้สืบทอดการร่ายรำแบบอิชิยามะ ศิลปะเก่าแก่ที่สืบทอดกันมากว่า 120 ปี และเป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่เราจะหาดูการร่ายรำแบบนี้ได้ ซึ่งการรำอิชิยามะไม่ได้หมายถึงเฉพาะแค่ท่าทางการรำเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียกรวมๆ ถึงการร้อง รำ และการเล่นซามิเซ็น ในสถานที่อันสวยงาม เพื่อต้อนรับผู้มาเยือนอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีด้วย

ดูไปดูมา ไอ้เราก็ดันอิน เกิดความอยากจะใส่กิโมโนร่ายรำกับเค้าบ้าง เลยเถิดถึงขั้นไปถามไถ่ที่ “Tourism Information in KITAKU” เพราะรู้มาว่าเขากำลังเริ่มจัดโครงการนำร่องการท่องเที่ยวแบบที่เราสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้งขึ้นมาพอดี เราจึงได้ลองแต่งชุดกิโมโนงามๆ พร้อมเรียนการร่ายรำแบบฉบับเบสิคสุดๆ ด้วย แต่เชื่อแล้วคุณเอ๋ย!! กว่าจะเป็นเกอิชามันไม่ง่ายเลยละ ของเราแค่เบสิคยังเกือบตาย แล้วเหล่าเกอิกิที่ร่ายรำออกมาอย่างสวยงาม ดูง่าย ไม่ซับซ้อน แบบที่เราได้ดูไป เขาต้องฝึกขนาดไหนกัน .. นับถือจริงๆ ข้าขอคารวะไว้ตรงนี้!

ปล. กิจกรรมหัดร่ายรำแบบญี่ปุ่นพร้อมใส่ชุดกิโมโน ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน ทางอีเมล [email protected] (Mr.Yamada) โดยรับจองอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป มีค่าใช้จ่ายคนละ 3,000 เยน

หลังจากเสียพลังงานในการร่ายรำไป อาหารคือสิ่งที่จะเยียวยาเราได้เป็นอย่างดี .. โชคดีที่ใกล้กับบริเวณที่เราไปหัดรำ มีร้านอาหารอิตาเลียนเจ้าดังชื่อ “Nora Cucina” ตั้งอยู่พอดี ร้านนี้เค้าดังในเรื่องการนำวัตถุดิบที่ถือเป็นของดีของเด็ดในจังหวัดนีงาตะมาทำเป็นอาหารอิตาเลียนสุดอร่อยได้อย่างลงตัว ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าสปาเกตตี้ซอสครีมไข่ปลาเด็ดมากกก ควรมาโดน!

อิ่มท้องจากอาหารอิตาเลียน ก็มาต่อที่ร้าน “Yamadaya” ซึ่งเป็นร้านผลิตและจำหน่ายมิโสะอันเก่าแก่และมีชื่อเสียงของเมืองนี้ ที่ต้องเจาะจงมาถึงที่นี่ก็เพราะว่าที่ร้านนี้เขาเปิดโอกาสให้เราสามารถแต่งแต้มหน้าตาเจ้ามิโสะที่เราจะนำกลับบ้านได้ด้วยตัวเอง โดยมีวัตถุดิบเป็นสารพัดเครื่องปรุง ก่อนที่ทางร้านจะนำใส่กล่องให้อย่างพิถีพิถัน กลายเป็นว่ามิโสะง่ายๆ ที่กะจะซื้อกลับมาต้มซุปกินเองนั้น ดันน่ารักจนกลายเป็นของฝากมิตรรักแฟนเพลงในเมืองไทยได้อย่างสบายเลยเชียว

เอาละ .. อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าคิดว่าเรื่องของปากท้องของเราจะจบลงง่ายๆ จะบอกว่าคิดผิดแล้ววว เพราะหลังจากที่ได้ชิมข้าวและอาหารทะเลเด็ดๆ กันไปแล้ว ก็ถึงโอกาสที่จะได้ลองของแปรรูปบ้าง ซึ่งถ้าจะลองแบบธรรมดามันก็ง่ายไป เราจึงใช้วิธีมาออกแบบข้าวเกรียบปิ้งของตัวเองที่ “Niigata Senbei Okoku” ซะเลย .. โดยทางร้านจะมีแผ่นข้าวเกรียบเปล่ามาให้เราได้เริ่มลงมือตั้งแต่การปิ้ง วาดลวดลาย ทาโชยุ จนกระทั่งนำไปบรรจุในแพ็คเกจน่ารักๆ แม้จะร้อนวูบวาบนิดหน่อยเพราะต้องอยู่หน้าเตา แต่ก็เอาเถอะ ถือเป็นการเปิดรูขุมขนให้ได้หายใจ เพราะสุดท้ายแล้วมันสนุกมาก เสร็จสรรพกลับมาเป็นของฝากอีกอย่างที่คนรับน่าจะถูกใจได้อีกอย่าง ก็มันมีอันเดียวในโลกนี่นา เก๋ใช่ป่ะล้า ^^



ที่หลับที่นอน

ทริปนี้เราพักสองที่ โดยยูซาว่า พักที่ “Hotel Shousenkaku Kagetu” เรียวกังใจกลางเมือง เดินทางง่าย ห้องพักกว้าง อยู่สบาย ใกล้ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ใกล้สถานีรถไฟ Echigo – Yuzawa ชนิดลากกระเป๋าเดินมาได้ไม่เกิน 10 นาที 

ส่วนที่ตัวเมืองนีงาตะ เราพักที่โรงแรม “Ramada” ตั้งอยู่เกือบจะติดกับสถานีนีงาตะกันเลยเชียว ใครมีแพลนมาเที่ยวนีงาตะแนะนำนะ เพราะแวดล้อมด้วยร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ ร้านสะดวกซื้อเพียบ ใครชอบ Night Life รับรองถูกใจ ไม่ผิดหวังแน่นวล

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของจังหวัดนี้ที่กะว่าแค่ 4 วัน น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับนีงาตะ แต่มันไม่ใช่! เพราะที่นี่ยังมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่อีกเพียบ! เอาเป็นว่า เรากาดอกจันเอาไว้แล้วว่าต้องได้กลับมาเก็บตกอีกหลายๆ ครั้ง รวมถึงขอแอบยกให้นีงาตะเป็นอีกหนึ่งเมืองในดวงใจที่เอาไว้หลบหนีความวุ่นวายจากโตเกียวมาแอ๊บใช้ชีวิตแบบเพลินๆ แบบตอบโจทย์ทุกการท่องเที่ยว ทั้งความสะดวกสบาย อาหาร วัฒนธรรม ถ้าใครกำลังมองหาสถานที่ดีๆ ไว้ทำแพลนแบบ One Day Trip ก็ได้ หรือจะแวะมาค้างสัก 2-3 วันก็ดี ขอเรียนเชิญแวะมาที่นี่เลย เมืองท่าน่าเที่ยว ใกล้โตเกียวนีสเดียวเอ๊ง!

AUTHOR

S.J.

สาว (เหลือ) น้อย ที่ชอบคิดว่าตัวเองยังเอ๊าะ
รักการแบกเป้ตะลุยโลก (โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย) ชอบที่จะได้
เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างของแต่ละตารางเมตรบนแผนที่ผ่าน
อาหารการกินและการเม้าท์มอยกับผู้คนท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง
แต่ยังไปได้ไม่กี่ประเทศเพราะทุนยังไม่อำนวย …
รวยเมื่อไหร่จะพาทุกคนในเว็บนี้ไปให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู!

Facebook : มนุษย์ป้าพาเที่ยว
Instagram : yui_zaa

Niichiiz *
Niichiiz *https://movearound-journey.com
IG : https://www.instagram.com/niichiiz13

Related Stories

Discover

รวม 10 พิกัด ที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้ ถ่ายรูปสวยชิค

หลังจากจีนฟรีวีซ่าก็ทำเอาเราหยุดเที่ยวจีนไม่ได้เลย หลงเสน่ห์ประเทศนี้เข้าเต็มเปา! ใครที่กำลังลังเลใจ กล้าๆ กลัวๆ ว่าจะไปเที่ยวจีนด้วยตัวเองครั้งแรกดีมั้ย? แนะนำลองจองตั๋วบินไปเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ก่อนเป็นที่แรกเลยค่ะ เพราะเที่ยวง่าย การเดินทางสะดวกสบาย มีรถไฟใต้ดินไปถึงทุกที่ บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน ไฮเทค...

วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน สำหรับเดินทางข้ามเมือง

หลังจากจีนฟรีวีซ่าให้คนไทยได้เข้าไปเที่ยวประเทศจีนอย่างสะดวกโยธินมากยิ่งขึ้นแล้ว เชื่อว่ามีสายเที่ยวหลายคนที่กำลังเมียงมองประเทศจีนไว้เป็นหนึ่งใน Destination List อาจจะตั้งคำถามว่า เที่ยวจีนด้วยตัวเองยากมั้ย? เราอยากจะย้ำความมั่นใจให้ว่า "เที่ยวจีนด้วยตัวเองไม่ยากอย่างที่คิด" เลยค่ะ โพสนี้เราก็เลยอยากมาแชร์ วิธีขึ้นรถไฟความเร็วสูงประเทศจีน ไว้ให้เป็นข้อมูล สำหรับคนที่มีแพลนอยากไปเที่ยวจีนด้วยตัวเอง อยากจะบอกว่าการเดินทางไปเมืองใกล้เคียงด้วยรถไฟความเร็วสูงนั้นเป็นวิธีที่คนจีนใช้กันเป็นเรื่องปกติมากๆ...

รีวิว ซัวเถา (Shantou) กิน เที่ยว มู รับเฮงปีมังกร 3 วัน...

ยินดีกับนักท่องเที่ยวไทยทุกคนที่กำลังจะมีประเทศฟรีวีซ่าให้เที่ยวเพิ่มอีกหนึ่งประเทศแล้ววว นั่นก็คือ “ประเทศจีน” นั่นเอง โพสนี้ก็เลยจะขอพาไปเปิดม่านเมือง "ซัวเถา" บ้านเกิดของคนไทยเชื้อสายจีนในอดีตที่โล้สำเภาเดินทางแบบเสื่อผืนหมอนใบมาตั้งรกรากในประเทศไทย จะขอพาไป กิน เที่ยว มู ในเมืองซัวเถา และแต้จิ๋ว หนึ่งในที่เที่ยวเมืองจีนที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นเที่ยวเมืองจีนด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกแบบเราที่สุด...

รีวิว Sea Season Pool Villas ที่พักสวยติดทะเลพัทยา

วันหยุดว่างๆ ทีไร เราล่ะชอบพาตัวเองไปพักผ่อนชิลๆ ที่พัทยามากจริงๆ อาจเพราะเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปไม่ไกล ก็ได้นั่งมองทะเลสวยๆ แล้ว โพสนี้ก็เลยอยากมารีวิวที่พักติดทะเลพัทยาที่เพิ่งไปมาแล้วชอบมากอย่าง Sea Season Pool Villas Pattaya...

รีวิว เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) อัพเดทมุมถ่ายรูปชิค

นี่คือการมาเที่ยว “เซี่ยงไฮ้” ประเทศจีน เป็นครั้งแรกในชีวิตของเรา อยากจะบอกว่าเปิดมุมมองมากกก เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองไวบ์ดีกว่าที่คิด ไลฟ์สไตล์ของที่นี่ก็ชิลสุดอะไรสุด บ้านเมืองสะอาดสะอ้าน มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะ ที่สำคัญคือเป็นประเทศจีนที่เที่ยวง่ายมากค่ะ มีรถไฟใต้ดินหลายสาย การเดินทางไม่ซับซ้อน คนจีนที่นี่ส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษง่ายๆ...

แผนเที่ยวฟุกุอิ (Fukui) ดื่มด่ำธรรมชาติ ย่ำรอยประวัติศาสตร์ ในเมืองสุดอันซีนของญี่ปุ่น

แผนเที่ยวฟุกุอิ เล่มนี้ จะพาคุณนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสูดกลิ่นอายอดีต ย่ำรอยประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาของแดนปลาดิบ พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติให้ฉ่ำปอด ในจังหวัดสุดอันซีนที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทรงเสน่ห์อย่าง ‘ฟุกุอิ’ ฟุกุอิ เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์หลายหลากซุกซ่อนไว้อย่างคาดไม่ถึง ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการวิจัยฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ‘Fukui Prefectural Dinosaur Museum’...

Popular Categories

Comments

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่